รถของ “พ่อ”
พระผู้ให้ความสุขแก่ประชาชน

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระเจ้าอยู่หัวรัชการที่ 9 หรือที่ประชาชนชาวไทยเราเรียกว่า “พ่อของเเผ่นดิน” เมื่อครั้งที่พระองค์ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปยังทุ่งร้างห่างไกล สิ่งที่เรามักจะเห็นเป็นภาพความทรงจำตั้งแต่เล็กจนโต คือ รถยนต์พระที่นั่ง ที่บุกป่า ฝ่าดง ไปทุกหนแห่ง เพื่อแก้ปัญหาทุกข์ร้อนของผสกนิกร

รถเลิฟเวอร์ขอน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยภาพรถยนต์พระที่นั่ง บางส่วน ที่เป็นเพียง 1 ในหมื่นเรื่องราวของกษัตริย์ที่ทั่วโลกต่างยกย่องให้เป็น KING OF THE KING.
Volkswagen Caravelle
รถยนต์ โฟล์ค สวาเกน คาราเเวล สีเทา-ฟ้า เป็นรถที่ใช้ในการอัญเชิญพระบรมศพ นับเป็นรถคันโปรด ที่ทรงใช้งานมายาวนาน ทรงใช้ทุกอย่างในสภาพเดิม ไม่มีการดัดแปลงให้หรูหรา เเสดงถึงความเรียบง่ายของพระองค์ และมีชื่อเรียกว่า “เจมส์บอนด์”
JEEP GRAND WAGONEER รุ่นปี 1983
ท่านใช้ทรงงานในถิ่นทุรกันดาร และภาพที่อยู่ในความทรงจำของผสกนิกร คือ ภาพที่ทรงขับลุยน้ำท่วมจนเกือบถึงฝากระโปรงหน้ารถ
Land Rover Series 3
รถยนต์พระที่นั่งที่ทรงใช้บ่อยครั้ง เพื่อเข้าถึงประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแต่อย่างใด มีเพียงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์ธรรมดา 4 จังหวะ
เหตุการณ์ในภาพเกิดเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2524 พระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เสด็จไปทรงงาน ณ บ้านเจาะบากง หมู่ 3 ตำบลปูโยะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส โดยมิได้นัดหมายราษฎรในพื้นที่ให้ทราบล่วงหน้า ในณะนั้นมีทั้งชาวบ้าน กำลังทำนาในพื้นที่ เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ของตำรวจทางหลวงนำขบวนเสด็จ ชาวบ้านจึงวิ่งออกมารับเสด็จ รวมทั้งนายพร้อม จินดาบุตร ขณะนั้นอายุ 47 ปี ได้นั่ง และยกมือกราบบังคมทูล พระองค์ทรงทอดพระเนตรลุงพร้อม เเละรับสั่งให้หยุดรถยนต์พระที่นั่ง แล้วตรัสถามลุงพร้อมว่า “ที่นี่ที่ไหน”

ลุงพร้อมตอบว่า “หมู่บ้านเจาะบากง” พระองค์ทรงตรัสว่า

“หมู่บ้านดังกล่าวไม่มีในแผนที่ มีแต่บ้านโคกกูโน และบ้านโคกกูยิ”

ซึ่งหมู่บ้านทั้งสองมีเขตติดต่อกับหมู่บ้านเจาะบากง ในระหว่างนั้น ลุงพร้อมจึงได้เสนอขอพระราชทานให้มีการขุดคลองเชื่อมต่อคลองโต๊ะแดง หลังจากนั้นพระองค์จึงเสด็จลงจากรถยนต์พระที่นั่ง แล้วพระราชดำเนินไปที่สะพานไม้ ทอดพระเนตรสภาพพื้นที่ แล้วรับสั่งดำเนินการต่อไป

นับเป็นภาพในพระราชกรณียกิจที่ประทับใจมากที่สุดอีกภาพหนึ่ง
TOYOTA SOLUNA
โตโยต้า โซลูน่า คันนี้นับเป็นอีกหนึ่งของการเป็นผู้ให้ของ “พ่อ” ในยุคที่รัฐบาลประกาศลอยตัวค่าเงินบาท เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 เกิดวิกฤตฟองสบู่แตก จากนั้นในเดือน พฤศจิกายน ปีเดียวกัน เกิดข่าวลือว่าบริษัทโตโยต้าจะปิดโรงงาน เตรียมจะลอยแพพนักงานกว่า 5,500 คน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงเป็นห่วงว่าราษฎรของพระองค์จะตกงาน จึงมีพระราชดำริซื้อรถยนต์โตโยต้า โซลูน่า 1 คัน
"ให้พนักงานใช้มือทำก็ได้ ไม่ต้องมีเครื่องจักร ไม่ต้องรีบ พนักงานคนไทย จะได้มีงานทำนานๆ"
เมื่อพระองค์จะพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ 600,000 บาท ซื้อรถคันนี้ แต่ทางโตโยต้าไม่รับ พระองค์จึงรับสั่งให้นำเงินไปตั้งโรงสีข้าว "ข้าวรัชมงคล" เพื่อช่วยเหลือชาวนาละเเวกใกล้เคียง และขายในราคาสวัสดิการให้แก่พนักงาน และชาวบ้าน ซึ่งเป็นที่มาของโลโก้รถยนต์รุ่นนี้ ที่เป็นภาษาไทย เเละเลขไทย
หมายเลขทะเบียนเเละ ตัวอักษร รถของพ่อ
ร.ย.ล. เป็นหมวดทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกจัดทำขึ้นเป็นพิเศษสำหรับ “รถยนต์พระราชพาหนะ” ที่จัดซื้อด้วยงบประมาณราชการ อันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ใช้ในกิจการพระราชวัง ส่วนรถยนต์ที่ใช้หมายเลขทะเบียน 1 ด XXXX นั้น เป็นรถยนต์ที่ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เอง กรมการขนส่งทางบกจึงกำหนดให้ใช้หมวด ด.เด็ก เพี่อเเสดงว่าเป็นรถยนต์ส่วนพระองค์

นอกจากนี้แล้วยังมีรถยนต์พระที่นั่งที่ใช้ทรงงานอีกหลายรุ่น ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี
เรื่องเล่าของพ่อ
คราใดที่เสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ พระราชวังไกลกังวลนั้น ท่านจะทรงขับรถยนต์พระที่นั่งไปยังท้องที่ห่างไกลทุรกันดาร ย่านหัวหิน หนองพลับ แก่งกระจาน ด้วยพระองค์เอง โดยที่ราษฎรไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าทรงมาถึงแล้ว วันหนึ่งทรงขับรถยนต์พระที่นั่งผ่านไปถึงบริเวณหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านห้วยมงคล อำเภอหัวหิน ซึ่งราษฎรกำลังช่วยกันตบแต่งประดับซุ้มรับเสด็จกันอย่างสนุกสนานครื้นเครง และไม่คาดคิดว่าเป็นรถยนต์พระที่นั่งส่วนพระองค์ จึงไม่ยอมให้รถผ่าน บอกว่า ต้องให้ในหลวงเสด็จฯก่อนแล้วพรุ่งนี้ถึงจะลอดผ่านซุ้มได้

"วันนี้ห้ามลอดผ่านซุ้มนี้ เพราะขอให้ในหลวงผ่านก่อน"

พระองค์จึงทรงขับรถพระที่นั่งเบี่ยงออกข้างทาง ไม่ลอดซุ้มดังกล่าว…

วันรุ่งขึ้น ทรงขับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมราษฎร ในหมู่บ้านนี้อย่างเป็นทางการ พร้อมคณะข้าราชบริพารผู้ติดตาม และทรงมีพระดำรัสทักทายกับชายที่เฝ้าอยู่หน้าซุ้มเมื่อวันวานว่า

“วันนี้ฉันเป็นในหลวง..คงผ่านซุ้มนี้ได้แล้วนะ”

เป็นหนึ่งในพระราชอารมณ์ขัน ของพระองค์ท่าน
ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวเพียงส่วนหนึ่งในระยะเวลา 70 ปี 4 เดือน ที่พระองค์ท่านทรงมีพระเมตตาต่อราษฎร ทรงเดินทางไกล ไปในทุกหนแห่ง ด้วยรถยนต์พระที่นั่งคันแล้วคันเล่า ไม่เคยถือพระองค์ว่าเป็นพระมหากษัตริย์ ทำให้พสกนิกรชาวไทยอยู่บนแผ่นดินของพระองค์อย่างร่มเย็น เป็นสุข ตลอดมา

เป็นความโชคดีของคนไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ ที่เปรียบดั่ง "พ่อผู้ให้ โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน" เราคนไทยจึงควรน้อมนำพระราชดำรัสของพระองค์ มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน
"ตามรอยพ่อ" ให้สมกับการที่ได้เกิดมาในรัชกาลที่ 9
"เสด็จสู่สวรรคาลัย ผองผสกนิกรชาวไทยน้อมรำลึก ในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์"

ข้าพระพุทธเจ้า
บริษัท รถเลิฟเวอร์ จำกัด
ขอขอบคุณที่มา : checkraka.com, mthai.com, tnews.co.th, thairath.co.th, today.line.me